Main navigation

โทษของคนอื่น

เหตุการณ์
พระศาสดาทรงปรารภบุรพกรรมของเมณฑกเศรษฐี

พระศาสดาทรงเห็นอุปนิสัยโสดาปัตติผลของคนเหล่านี้ คือ เมณฑกเศรษฐี ๑ ภรรยาของเศรษฐีชื่อว่านางจันทปทุมา ๑ บุตรชื่อธนัญชัยเศรษฐี ๑ หญิงสะใภ้ชื่อนางสุมนเทวี ๑ หลานสาวชื่อวิสาขา ๑ ทาสชื่อปุณณะ ๑ จึงเสด็จไปสู่ภัททิยนคร เมณฑกเศรษฐีได้สดับการเสด็จมาของพระศาสดาแล้ว
 
บุรพกรรมของเมณฑกเศรษฐี

ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี เศรษฐีนั้นเป็นหลานของกุฎุมพีชื่ออวโรชะ ได้มีชื่อว่า อวโรชะ เช่นเดียวกับลุง เมื่อได้รู้ว่าลุงของเขาปรารภจะสร้างพระคันธกุฎีเพื่อพระศาสดาเพียงคนเดียว เขาจึงได้สร้างศาลารายถวาย โดยศาลารายทั้งหมดบุด้วยทองคำ ตกแต่งสวยงามถวายแด่พระตถาคต และได้ทำการฉลองศาลา โดยนิมนต์พระศาสดาพร้อมด้วยภิกษุ ๖ ล้าน ๘ แสน ได้ถวายทานตลอด ๔ เดือน ในวันสุดท้ายได้ถวายไตรจีวรมีค่าพันหนึ่งแก่พระภิกษุ
 
 เขาทำบุญกรรมในกาลแห่งพระวิปัสสีพุทธเจ้าอย่างนั้นแล้ว เคลื่อนจากอัตภาพนั้น ท่องเที่ยวไปในเทวดาและในมนุษย์ทั้งหลาย ในภัทรกัปนี้ เกิดในสกุลเศรษฐีมีโภคะมากในกรุงพาราณสี ได้มีนามว่า พาราณสีเศรษฐี
 
วันหนึ่ง เศรษฐีได้พบปุโรหิตและได้รู้ว่าจะมีฉาตกภัย คือ ความอดอยากในอีก ๓ ปี ข้างหน้า เศรษฐีจึงให้บุคคลทำกสิกรรมเป็นอันมาก รับซื้อข้าวเปลือกด้วยทรัพย์ที่มีอยู่ในเรือน ให้ทำฉาง ๑,๒๕๐ ฉาง บรรจุฉางทั้งหมดให้เต็มด้วยข้าวเปลือก เมื่อฉางไม่พอก็บรรจุในตุ่มให้เต็ม แล้วขุดหลุมฝังข้าวเปลือกที่เหลือไว้ และให้ขยำข้าวเปลือกที่เหลือกับดิน ฉาบทาฝาเรือนไว้
 
เมื่อความอดอยากมาถึง เขาก็บริโภคข้าวเปลือกที่เก็บไว้ เมื่อข้าวเปลือกที่เก็บไว้ในฉางและในตุ่มหมดแล้ว ได้ให้บริวารไปอยู่ที่ภูเขา มีเพียงทาสผู้รับใช้คนหนึ่ง ชื่อว่าปุณณะ ที่ไม่ได้ไป ในเรือนนั้นจึงมีคน ๕ คน คือ เศรษฐี ภรรยาของเศรษฐี บุตรของเศรษฐี บุตรสะใภ้ของเศรษฐี และนายปุณณะ
 
เมื่อข้าวเปลือกที่ฝังไว้ในหลุมหมดแล้ว พวกเขาก็พังดินที่ฉาบไว้ที่ฝาเรือน แช่น้ำ ยังอัตภาพให้เป็นไป ต่อมา ข้าวเปลือกเหลือเพียง ๒ ทะนาน ภรรยาของเศรษฐีตำข้าวแล้วเอาข้าวสารทะนานหนึ่งใส่ไว้ในหม้อ ปิดแล้วฝังดินไว้เพราะกลัวโจร เศรษฐีได้ให้ภรรยาหุงข้าวสวยนั้น ภรรยาเศรษฐีหุงข้าวสวย แบ่งให้เป็น ๕ ส่วน คดข้าวสวยส่วนหนึ่งวางไว้ข้างหน้าของเศรษฐี
 
ในขณะนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งที่ภูเขาคันธมาทน์ ออกจากสมาบัติ ในสมาบัติ ความหิวย่อมไม่เบียดเบียนเพราะผลแห่งสมาบัติ แต่ว่าเมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายออกจากสมาบัติแล้ว ความหิวเกิดขึ้น ชนใดถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นแล้วย่อมได้สมบัติ มีตำแหน่งเสนาบดี เป็นต้น
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าทรงตรวจดูอยู่ด้วยทิพยจักษุ ดำริว่า ความอดอยากเกิดขึ้นแล้วทั่วชมพูทวีป และในเรือนเศรษฐี ได้หุงข้าวเพื่อคน ๕ คน ชนเหล่านั้นเป็นผู้มีศรัทธา สามารถจะทำสงเคราะห์ จึงถือเอาบาตรจีวรไปยืนอยู่ที่ประตูเรือนของเศรษฐี เมื่อเศรษฐีเห็นก็มีจิตเลื่อมใส คิดว่าที่ประสบความอดอยากเป็นเพราะไม่ให้ทานในกาลก่อน อาหารนี้พึงรักษาตนได้เพียงวันเดียวเท่านั้น ส่วนอาหารที่ถวายแล้วแก่พระผู้เป็นเจ้าจักนำประโยชน์เกื้อกูลแก่เขาหลายโกฏิกัป
 
เขาได้ถวายภัตทั้งหมดและได้ตั้งความปรารถนาว่า อย่าได้ประสบฉาตกภัยอย่างนี้อีกเลยตั้งแต่บัดนี้ไป และสามารถจะให้ภัตอันเป็นพืชแก่ชาวชมพูทวีปทั้งหลาย ไม่ต้องทำการงานเลี้ยงชีพด้วยมือของตนเอง เมื่อมองดูเบื้องบน (ท้องฟ้า) ให้มีข้าวสาลีแดงเต็มยังฉางทั้งหมด และให้ภรรยา บุตร สะใภ้ ทาส มาเกิดเป็นเช่นนี้ในชาติต่อไป
 
ฝ่ายภรรยา บุตร สะใภ้ และทาสของเศรษฐีนั้น เมื่อเห็นเศรษฐีถวายภัตจึงได้ถวายส่วนของตนแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าเช่นกัน และได้ตั้งความปรารถนาให้ได้อยู่ร่วมกัน
 
ภรรยาเศรษฐีได้ตั้งความปรารถนาว่าขอไม่ประสบฉาตกภัย เมื่อวางถาดภัตไว้ข้างหน้า แล้วให้ภัตนั้นแก่ชาวชมพูทวีปทั้งหลาย ภัตที่ตักแล้ว ขอให้บริบูรณ์อยู่อย่างเดิม

บุตรของเศรษฐีนั้นถวายส่วนของตนแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ได้ตั้งความปรารถนาว่าขอไม่พึงประสบฉาตกภัย เมื่อถือถุงเงินหนึ่งพันให้เงินแก่ชาวชมพูทวีปทั้งหลาย ถุงเงินพึงเต็มอยู่อย่างเดิม
 
ลูกสะใภ้ของเศรษฐีนั้นถวายส่วนของตนแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ได้ตั้งความปรารถนาว่าขอไม่พบเห็นฉาตกภัยอย่างนี้ และเมื่อตั้งกระบุงข้าวเปลือกกระบุงหนึ่งไว้ข้างหน้า เมื่อได้ให้ภัตอันเป็นพืชแก่ชาวชมพูทวีปทั้งหลาย กระบุงข้าวเปลือกจะไม่มีหมด
 
ทาสของเศรษฐีนั้นถวายส่วนของตนแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ได้ตั้งความปรารถนาว่า ขอไม่พึงพบเห็นฉาตกภัยอย่างนี้ และเมื่อไถนาอยู่ รอย ๗ รอยประมาณเท่าเรือโกลนพึงปรากฏ
 
เมื่อชนทั้งหมดตั้งความปรารถนาเสร็จ พระปัจเจกพุทธเจ้าได้กล่าวว่าจงเป็นอย่างนั้นเถิด เมื่อจะกลับ ได้อธิษฐานให้ชนเหล่านี้เห็นท่านจนถึงภูเขาคันธมาทน์ พระปัจเจกพุทธเจ้านั้นได้แบ่งภัตนั้นกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์ ด้วยอานุภาพแห่งพระปัจเจกพุทธเจ้า ภัตนั้นเพียงพอแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมด ชนเหล่านั้นก็ได้เห็น
 
อานิสงส์ของการถวายทานทำให้มีข้าวเต็มหม้อข้าว ครอบครัวเศรษฐีและคนรับใช้บริโภคแล้ว ก็ไม่หมด และในวันนั้น ฉางข้าวก็กลับเต็มเหมือนก่อน จึงได้ประกาศให้คนในเมืองมารับภัตไป ชาวชมพูวีปทั้งหมดอาศัยเศรษฐีนั้นเลี้ยงชีวิต
 
เมื่อเศรษฐีและคณะตายไป ได้ไปบังเกิดในเทวโลก และได้ท่องเที่ยวอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลก ในพุทธุปบาทกาลนี้ เศรษฐีบังเกิดในสกุลเศรษฐีในภัททิยนคร ภรรยาของเขาก็บังเกิดในสกุลมีโภคะมาก ทั้งภรรยา บุตร หญิงสะใภ้ และทาสก็ได้มาเป็นครอบครัวเช่นเดิม
 
วันหนึ่ง ท่านเศรษฐีใคร่จะทดลองบุญของตน ได้ให้คนชำระฉาง ๑,๒๕๐ ฉาง มองขึ้นเบื้องบน ฉางทั้งหมดก็เต็มด้วยข้าวสาลีแดง ภรรยา บุตร สะใภ้ และทาสได้ทดลองบุญ เรียกชนให้มารับข้าวสวย เงิน ข้าวเปลือก สิ่งเหล่านั้นก็ไม่หมดสิ้นไป ยังเต็มอยู๋เหมือนเดิม ชาวชมพูทวีปทั้งหลายได้สิ่งของ ภัต พืช เงิน ตามที่ตนชอบใจจากเรือนของเศรษฐี
 
ต่อมา เศรษฐีได้รู้ว่าพระศาสดาเสด็จมา จึงคิดจะไปรับเสด็จ แต่ระหว่างทางพบพวกเดียรถีย์ พวกเดียรถีย์ห้ามเศรษฐีไม่ให้ไปเฝ้าพระศาสดา แต่เศรษฐีก็ไม่ได้เชื่อถ้อยคำของพวกเดียรถีย์เหล่านั้น ได้เข้าไปเฝ้าพระศาสดา พระศาสดาตรัสอนุปุพพิกถาแก่เศรษฐีนั้น ในเวลาจบเทศนา เศรษฐีนั้นบรรลุโสดาปัตติผล แล้วกราบทูลความที่ตนถูกพวกเดียรถีย์กล่าวโทษแล้วห้ามไว้
 
พระศาสดาตรัสกับท่านเศรษฐีนั้นว่า
 
ขึ้นชื่อว่าสัตว์เหล่านี้ย่อมไม่เห็นโทษของตนแม้มาก ย่อมโปรยโทษของชนเหล่าอื่นแม้ไม่มีอยู่ กระทำให้มีราวกะบุคคลโปรยแกลบลงในที่นั้น ๆ
 
ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า
 
โทษของบุคคลเหล่าอื่นเห็นได้ง่าย ฝ่ายโทษของตนเห็นได้ยาก เพราะว่าบุคคลนั้นย่อมโปรยโทษของบุคคลเหล่าอื่น เหมือนบุคคลโปรยแกลบ แต่ว่าย่อมปกปิดโทษของตน เหมือนพรานนกปกปิดอัตภาพด้วยเครื่องปกปิด
 
ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น



อ่าน เมณฑกเศรษฐี
อ่าน คาถาธรรมบท มลวรรค

 

อ้างอิง
เมณฑกเศรษฐี พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏ เล่มที่ ๔๓ หน้า ๔๗-๕๙
ลำดับที่
12

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ