ผู้วางอาชญาได้แล้ว
ภิกษุรูปหนึ่งเรียนกัมมัฏฐานในสำนักพระศาสดาแล้ว เข้าไปสู่ป่าบรรลุพระอรหัตแล้ว จักไปกราบทูลคุณอันเราได้แด่พระศาสดา
ครั้งนั้น หญิงผู้หนึ่งทะเลาะกับสามีจึงคิดกลับไปสู่บ้านพ่อแม่ แล้วออกเดินทางไป พบพระภิกษุผู้นี้ระหว่างทาง จึงคิดว่าจะอาศัยตามภิกษุรูปนี้ไป โดยพระเถระไม่เห็นนาง
ฝ่ายสามีกลับสู่เรือนไม่เห็นนางจึงออกตามจนพบ แล้วคิดว่าหญิงคนเดียวไม่อาจเดินทางข้ามดงได้ จึงคิดว่าพระเถระเป็นผู้พานางมา จึงขู่และทำร้ายพระเถระ
เมื่อพระเถระมาสู่วิหาร ภิกษุทั้งหลายพากันช่วยเหลือแล้วถามว่า เมื่อบุรุษนั้นทำร้ายท่าน ท่านได้กล่าวอะไรหรือความโกรธเกิดแก่ท่านไหม พระเถระตอบว่า ความโกรธไม่เกิดขึ้นแก่ตน
ภิกษุเหล่านั้นไม่เชื่อและไปสู่สำนักของพระศาสดาเพื่อกราบทูล พระศาสดาทรงสดับถ้อยคำของภิกษุเหล่านั้น แล้วตรัสว่า
ธรรมดาพระขีณาสพทั้งหลาย วางอาชญาแล้ว พระขีณาสพเหล่านั้นย่อมไม่ทำความโกรธในชนทั้งหลาย แม้ผู้ทำร้ายอยู่
แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า
ผู้ใดวางอาชญาในสัตว์ทั้งหลาย ผู้สะดุ้งและผู้มั่นคง ไม่ฆ่าเอง ไม่ใช้ให้ผู้อื่นฆ่า เราเรียกผู้นั้นว่าเป็นพราหมณ์
ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผล เป็นต้น ดังนี้
อ่าน ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง
อ่าน คาถาธรรมบท พราหมณวรรค