พระสรภังคเถระ
ท่านพระสรภังคเถระได้บำเพ็ญบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ สั่งสมกุศลอันเป็นไปเพื่อพระนิพพานไว้ในภพนั้น ๆ
ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดเป็นบุตรพราหมณ์คนหนึ่งในกรุงราชคฤห์ มีชื่อว่าอนภิลักขิต
ท่านเจริญวัย บวชเป็นดาบส หักไม้แขมและหญ้าด้วยตนเอง เอามาทำบรรณศาลาอยู่ จึงได้สมัญญานามว่า สรภังคะ
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเห็นอุปนิสัยพระอรหัตของดาบสนั้น จึงเสด็จไปแสดงธรรมโปรด ดาบสได้ศรัทธาจึงบวช บำเพ็ญไม่นานนักก็บรรลุพระอรหัตในที่นั้น
บรรณศาลาที่พระเถระสร้างไว้ได้ชำรุดพะเยิบพะยาบ พวกมนุษย์จึงกล่าวถามว่า จะซ่อมแซมกุฏีนี้เพื่อใคร
พระเถระตอบว่าบัดนี้ ท่านไม่อาจทำกุฎีเหมือนในคราวเป็นดาบส ไม่ควรหักต้นแขมด้วยมือทั้งสองอีก เพราะพระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสิกขาบทไว้
แล้วแสดงคาถาสุภาษิตว่า
เมื่อก่อน เราผู้ชื่อว่าสรภังคะ ไม่ได้เห็นโรค คือ อุปาทานขันธ์ ๕ ครบบริบูรณ์ทั้งสิ้น โรคนี้นั้นอันเราผู้กระทำตามพระดำรัสของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ได้เห็นแล้ว
เมื่อพระเถระจะพยากรณ์การบรรลุพระอรหัตของตนว่า เพราะเหตุที่ท่านตั้งอยู่ในธรรมคือโอวาทของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย อันเป็นดุจทองคำหักกลาง (เป็น ๒ ท่อน) จึงได้ถึงความสิ้นทุกข์ ได้กล่าวว่า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี พระสิขี พระเวสสภู พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ และพระกัสสปะ ได้เสด็จไปแล้วโดยทางใด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โคดม ก็เสด็จไปทางนั้น
พระพุทธเจ้า ๗ พระองค์นี้ทรงปราศจากตัณหา ไม่ทรงถือมั่น ทรงหยั่งถึงความสิ้นกิเลส เสด็จอุบัติโดยธรรมกาย ผู้คงที่ ทรงเอ็นดู อนุเคราะห์สัตว์ทั้งหลาย ได้ทรงแสดงธรรม คือ อริยสัจ ๔ อันได้แก่ทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์ ทางเป็นที่สิ้นทุกข์ เป็นทางที่ทุกข์ไม่เป็นไป อันไม่มีที่สุดในสงสาร
เพราะกายนี้แตก และเพราะความสิ้นชีวิต การเกิดในภพใหม่อย่างอื่นย่อมไม่มี เราเป็นผู้หลุดพ้นแล้วจากสรรพกิเลสและภพทั้งปวง
อ่าน สรภังเถรคาถา