Main navigation

อานันทภัทเทกรัตตสูตร

ว่าด้วย
บุคคลผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ
เหตุการณ์
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ท่านพระอานนท์สนทนากับภิกษุทั้งหลายในอุปัฏฐานศาลา ชักชวนให้อาจหาญ ร่าเริงด้วยกถาอันประกอบด้วยธรรม

พระอานนท์กล่าวอุเทศและวิภังค์ของบุคคลผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ อย่างนี้ว่า

บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว
ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง
สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว
และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง

ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบัน ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆได้ บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนือง ๆ ให้ปรุโปร่ง

พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละ ใครจะรู้ความตายในวันพรุ่ง เพราะว่าเราไม่สามารถผัดกับมัจจุราช

พระมุนีผู้สงบเรียกบุคคลผู้มีปรกติอยู่อย่างนี้ มีความเพียร ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืนว่า ผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ

---------------

บุคคลคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้วอย่างไร

คือ รำพึงถึงความเพลิดเพลินในเรื่องนั้น ๆ ว่า เราได้มีรูปอย่างนี้ ได้มีเวทนาอย่างนี้ ได้มีสัญญาอย่างนี้ ได้มีสังขารอย่างนี้ ได้มีวิญญาณอย่างนี้ ในอดีต       

บุคคลจะไม่คำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้วอย่างไร

คือ ไม่รำพึงถึงความเพลิดเพลินในเรื่องนั้น ๆ ว่า เราได้มีรูปอย่างนี้ ได้มีเวทนาอย่างนี้ ได้มีสัญญาอย่างนี้ ได้มีสังขารอย่างนี้ ได้มีวิญญาณอย่างนี้ในกาลที่ล่วงแล้ว

บุคคลย่อมมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึงอย่างไร

คือ รำพึงถึงความเพลิดเพลินในเรื่องนั้น ๆ ว่า ขอเรามีรูปอย่างนี้ พึงมีเวทนาอย่างนี้ พึงมีสัญญาอย่างนี้ พึงมีสังขารอย่างนี้ พึงมีวิญญาณอย่างนี้ในกาลอนาคต 

บุคคลจะไม่มุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึงอย่างไร

คือ ไม่รำพึงถึงความเพลิดเพลินในเรื่องนั้น ๆ ว่า ขอเราพึงมีรูปอย่างนี้ พึงมีเวทนาอย่างนี้ พึงมีสัญญาอย่างนี้ พึงมีสังขารอย่างนี้ พึงมีวิญญาณอย่างนี้ในกาลอนาคต 

บุคคลย่อมง่อนแง่นในธรรมปัจจุบันอย่างไร

ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้วในโลกนี้ เป็นผู้ไม่ได้เห็นพระอริยะ ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยะ ไม่ได้ฝึกในธรรมของพระอริยะ ไม่ได้เห็นสัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้ฝึกในธรรมของสัตบุรุษ  

ย่อมเล็งเห็นรูปโดยความเป็นอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาว่ามีรูปบ้าง
เล็งเห็นรูปในอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาในรูปบ้าง

ย่อมเล็งเห็นเวทนาโดยความเป็นอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาว่ามีเวทนาบ้าง
เล็งเห็นเวทนาในอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาในเวทนาบ้าง  

ย่อมเล็งเห็นสัญญาโดยความเป็นอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาว่ามีสัญญาบ้าง
เล็งเห็นสัญญาในอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาในสัญญาบ้าง

ย่อมเล็งเห็นสังขารโดยความเป็นอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาว่ามีสังขารบ้าง
เล็งเห็นสังขารในอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาในสังขารบ้าง      

ย่อมเล็งเห็นวิญญาณโดยความเป็นอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาว่ามีวิญญาณบ้าง
เล็งเห็นวิญญาณในอัตตาบ้าง
เล็งเห็นอัตตาในวิญญาณบ้าง

บุคคลย่อมไม่ง่อนแง่นในธรรมปัจจุบันอย่างไร

อริยสาวกผู้สดับแล้วในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ได้เห็นพระอริยะ ฉลาดในธรรมของพระอริยะ ฝึกดีแล้วในธรรมของพระอริยะ ได้เห็นสัตบุรุษ ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ฝึกดีแล้วในธรรมของสัตบุรุษ

ย่อมไม่เล็งเห็นรูปโดยความเป็นอัตตาบ้าง
ไม่เล็งเห็นอัตตาว่ามีรูปบ้าง
ไม่เล็งเห็นรูปในอัตตาบ้าง
ไม่เล็งเห็นอัตตาในรูปบ้าง

ย่อมไม่เล็งเห็นเวทนาโดยความเป็นอัตตาบ้าง
ไม่เล็งเห็นอัตตาว่ามีเวทนาบ้าง
ไม่เล็งเห็นเวทนาในอัตตาบ้าง
ไม่เล็งเห็นอัตตาในเวทนาบ้าง      

ย่อมไม่เล็งเห็นสัญญาโดยความเป็นอัตตาบ้าง
ไม่เล็งเห็นอัตตาว่ามีสัญญาบ้าง
ไม่เล็งเห็นสัญญาในอัตตาบ้าง
ไม่เล็งเห็นอัตตาในสัญญาบ้าง      

ย่อมไม่เล็งเห็นสังขารโดยความเป็นอัตตาบ้าง
ไม่เล็งเห็นอัตตาว่ามีสังขารบ้าง
ไม่เล็งเห็นสังขารในอัตตาบ้าง
ไม่เล็งเห็นอัตตาในสังขารบ้าง      

ย่อมไม่เล็งเห็นวิญญาณโดยความเป็นอัตตาบ้าง
ไม่เล็งเห็นอัตตาว่ามีวิญญาณบ้าง
ไม่เล็งเห็นวิญญาณในอัตตาบ้าง
ไม่เล็งเห็นอัตตาในวิญญาณบ้าง

 

อ่าน อานันทภัทเทกรัตตสูตร

อ้างอิง
อานันทภัทเทกรัตตสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๔ ข้อที่ ๕๓๕-๕๔๗ หน้า ๒๖๘-๒๗๑
ชุดที่
ลำดับที่
17

สถานที่

วิหารเชตวัน

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ