Main navigation

ผู้ล่วงปัญญาชื่อโธนา

ว่าด้วย
พระติสสเถระ
เหตุการณ์
พระศาสดาประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่งชื่อ ติสสเถระ ผู้ทำกาละแล้ว ไปเกิดเป็นเล็นในจีวรของตน

พระติสสเถระเป็นกุลบุตรชาวเมืองสาวัตถี ได้เข้าจำพรรษา ณ วิหารในชนบท ได้ผ้าสาฎกเนื้อหยาบประมาณ ๘ ศอก ปวารณาจำพรรษาแล้ว ถือผ้านั้นไปวางไว้ใกล้มือพี่สาว

พี่สาวได้ดำริว่าผ้าสาฎกผืนนี้ไม่สมควรแก่น้องชายเรา แล้วได้ตัดผ้านั้นด้วยมีดอันคม ทำให้เป็นชิ้นน้อยชิ้นใหญ่ โขลกในครก แล้วสาง ดีด กรอ ปั่น ให้เป็นด้ายละเอียด แล้วให้ทอเป็นผ้าสาฎก

ฝ่ายพระเถระก็จัดแจงด้ายและเข็ม นิมนต์ภิกษุหนุ่มและสามเณรผู้ทำจีวร แล้วไปยังสำนักพี่สาวเพื่อขอผ้าสาฎกผืนนั้นเพื่อทำจีวร

พี่สาวได้นำผ้าสาฎกประมาณ ๙ ศอก ออกมาให้ พระเถระรับผ้าสาฎกนั้น พิจารณาแล้วพูดว่าผ้าสาฎกของตนเนื้อหยาบ ประมาณ ๘ ศอก ผืนนี้เนื้อละเอียด ประมาณ ๙ ศอก ผ้านี้มิใช่ผ้าสาฎกของตน นี่เป็นผ้าสาฎกของพี่สาว ตนไม่ต้องการผ้าผืนนี้

พี่สาวจึงได้บอกกิจที่ตนทำทุกอย่างและขอให้ท่านรับผ้านั้น

พระเถระได้ถือผ้านั้นไปวิหาร เริ่มจีวรกรรม ก็ในวันที่จีวรเสร็จ พี่สาวให้ทำสักการะมากมาย ส่วนพระเถระได้แลดูจีวรแล้ว เกิดความเยื่อใยในจีวรนั้น คิดว่าในวันพรุ่งนี้ท่านจักห่มจีวรนั้น แล้วพับพาดไว้ที่สายระเดียง

ในราตรีนั้น ท่านป่วยและได้มรณภาพ ไปเกิดเป็นเล็นที่จีวรนั้น

พวกภิกษุทำสรีรกิจเผาศพของท่านพระติสสะแล้ว ได้พูดกันว่าจีวรนั้นถึงแก่สงฆ์แล้ว เพราะไม่มีคิลานุปัฏฐาก จักแบ่งจีวรนั้น

แล้วให้นำจีวรนั้นออกมา ส่วนเล็นวิ่งร้องไปข้างโน้นและข้างนี้ว่าภิกษุพวกนี้แย่งจีวรอันเป็นของเรา

พระศาสดาประทับนั่งในพระคันธกุฎี ทรงสดับเสียงนั้นด้วยทิพยโสตธาตุ ได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า อย่าให้พวกภิกษุแบ่งจีวร ให้เก็บไว้ ๗ วัน

ในวันที่ ๗ เล็นตาย แล้วไปเกิดในวิมานชั้นดุสิต ในวันที่ ๘ พระศาสดารับสั่งให้ภิกษุทั้งหลายแบ่งจีวรของพระเถระแล้วถือเอา

ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในธรรมสภาว่าเหตุไรพระศาสดาจึงให้เก็บจีวรของพระติสสะไว้ ๗ วัน แล้วทรงอนุญาตเพื่อถือเอาในวันที่ ๘  

พระศาสดาทราบเหตุแห่งการสนทนากันของภิกษุทั้งหลาย จึงได้ตรัสว่า

ติสสะเกิดเป็นเล็นที่จีวรของตน เมื่อพวกเธอจะแบ่งจีวรนั้น วิ่งร้องไปข้างโน้นและข้างนี้ว่า ภิกษุพวกนี้แย่งจีวรอันเป็นของตน เมื่อพวกภิกษุถือเอาจีวรอยู่ เขาขัดใจในพวกเธอแล้วจะเกิดในนรก เพราะเหตุนั้น จึงทรงให้เก็บจีวรไว้

บัดนี้เขาเกิดในวิมานชั้นดุสิตแล้ว เพราะเหตุนั้น จึงทรงอนุญาตการถือเอาจีวรแก่พวกภิกษุ

ภิกษุได้กราบทูลว่า ขึ้นชื่อว่าตัณหานี้หยาบหนอ

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ขึ้นชื่อว่าตัณหาของสัตว์เหล่านี้หยาบ สนิมตั้งขึ้นแต่เหล็ก ย่อมกัดเหล็กนั่นเอง ย่อมให้เหล็กพินาศไป ทำให้เป็นของใช้สอยไม่ได้ ฉันใด ตัณหานี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เกิดขึ้นภายในของสัตว์เหล่านี้แล้ว ย่อมให้สัตว์เหล่านั้นเกิดในอบายมีนรก เป็นต้น ให้ถึงความพินาศ

และได้ตรัสพระคาถา ดังนี้ ว่า

สนิมตั้งขึ้นแต่เหล็ก
ครั้นตั้งขึ้นแต่เหล็กแล้วย่อมกัดเหล็กนั่นเอง ฉันใด
กรรมทั้งหลายของตนย่อมนำบุคคลผู้มักประพฤติล่วงปัญญาชื่อว่าโธนา ไปสู่ทุคติ ฉันนั้น

ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผล เป็นต้น

 

 

อ่าน คาถาธรรมบท มลวรรค
อ่าน พระติสสเถระ

อ้างอิง
คาถาธรรมบท มลวรรค พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ ข้อที่ ๒๘ หน้า ๓๓ และอรรถกถาเรื่อง พระติสสเถระ พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๔๓ หน้าที่ ๑๖ ถึงหน้าที่ ๒๐
ลำดับที่
2

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ