สาริปุตตสูตร
พระอานนท์ถามพระสารีบุตรว่า
ท่านไม่พึงมีความสำคัญในปฐวีธาตุว่าเป็นปฐวีธาตุเป็นอารมณ์
ไม่พึงมีความสำคัญในอาโปธาตุว่าเป็นอาโปธาตุเป็นอารมณ์
ไม่พึงมีความสำคัญในเตโชธาตุว่าเป็นเตโชธาตุเป็นอารมณ์
ไม่พึงมีความสำคัญในวาโยธาตุว่าเป็นวาโยธาตุเป็นอารมณ์
ไม่พึงมีความสำคัญในอากาสานัญจายตนฌานว่าเป็นอากาสานัญจายตนฌานเป็นอารมณ์
ไม่พึงมีความสำคัญในวิญญาณัญจายตนฌานว่าเป็นวิญญาณัญจายตนฌานเป็นอารมณ์
ไม่พึงมีความสำคัญในอากิญจัญญายตนฌานว่าเป็นอากิญจัญญายตนฌานเป็นอารมณ์
ไม่พึงมีความสำคัญในเนวสัญญานาสัญญายตนฌานว่าเป็นเนวสัญญานาสัญญายตนฌานเป็นอารมณ์
ไม่พึงมีความสำคัญในโลกนี้ว่าเป็นโลกนี้เป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในโลกหน้าว่าเป็นโลกหน้าเป็นอารมณ์
แต่ว่าภิกษุพึงเป็นผู้มีสัญญา การได้สมาธิเห็นปานนี้มีหรือไม่
พระสารีบุตรตอบว่า สมัยหนึ่ง ท่านอยู่ ณ ป่าอันธวัน ใกล้พระนครสาวัตถีนี้แหละ ณ ที่นั้น ท่านเข้าสมาธิโดยมิได้สำคัญสิ่งต่าง ๆ เป็นอารมณ์ แต่ท่านมีสัญญาเกิดขึ้นว่า การดับภพเป็นนิพพาน การดับภพเป็นนิพพาน สัญญาอย่างหนึ่งย่อมดับไป เหมือนว่า เมื่อไฟมีเชื้อกำลังไหม้อยู่เปลวอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้น เปลวอย่างหนึ่งย่อมดับไป
อ่าน สาริปุตตสูตร