Main navigation
เมตตาเจโตวิมุตติ
Share:

บุญญกิริยาวัตถุอย่างใดอย่างหนึ่งมีอุปธิกิเลสเป็นเหตุ บุญญกิริยาวัตถุทั้งหมดนั้น ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งเมตตาเจโตวิมุติ (๑)

ผู้ใดมีสติ เจริญเมตตาไม่มีประมาณ สังโยชน์ทั้งหลายของผู้นั้น ผู้พิจารณาเห็นซึ่งธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอุปธิ ย่อมเบาบาง

ถ้าผู้นั้นมีจิตไม่ประทุษร้ายซึ่งสัตว์มีชีวิตแม้ชนิดหนึ่ง เจริญเมตตาอยู่ผู้นั้นย่อมชื่อว่าเป็นผู้มีกุศล เพราะการเจริญเมตตานั้น ย่อมกระทำบุญเป็นอันมาก

ผู้ใดมีจิตประกอบด้วยเมตตาในสัตว์ทุกหมู่เหล่า ไม่ฆ่าเอง ไม่ใช้ให้ผู้อื่นฆ่า  ไม่ชนะเอง ไม่ใช้ผู้อื่นให้ชนะ เวรของผู้นั้นย่อมไม่มี

การเจริญเมตตาจิตมีผลมากกว่าทาน (๒)

ผู้ใดพึงให้ทานประมาณ ๑๐๐ หม้อใหญ่ในเวลาเช้า ๑๐๐ หม้อใหญ่ในเวลาเที่ยง ๑๐๐ หม้อใหญ่ในเวลาเย็น ผู้ใดพึงเจริญเมตตาจิตในเวลาเช้า โดยที่สุดแม้เพียงชั่วการหยดน้ำนมแห่งแม่โค ในเวลาเที่ยง โดยที่สุดแม้เพียงชั่วการหยดน้ำนมแห่งแม่โค หรือในเวลาเย็น โดยที่สุดแม้เพียงชั่วการหยดน้ำนมแห่งแม่โค การเจริญเมตตาจิตนี้มีผลมากกว่าทานที่บุคคลให้แล้ว ๓ ครั้งในวันหนึ่งนั้น

เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญเมตตาเจโตวิมุติ กระทำให้มาก กระทำให้เป็นประดุจยาน กระทำให้เป็นที่ตั้ง
อาศัย ให้มั่นคง สั่งสม ปรารภด้วยดี เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ

อมนุษย์กำจัดได้ยาก (๓)

ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งไม่เจริญเมตตาเจโตวิมุติ ไม่กระทำให้มากแล้ว ภิกษุรูปนั้นย่อมถูกพวกอมนุษย์กำจัดได้ง่าย

ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เจริญเมตตาเจโตวิมุติ กระทำให้มากแล้ว ภิกษุรูปนั้นย่อมเป็นผู้อันอมนุษย์กำจัดได้ยาก

เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญเมตตาเจโตวิมุติกระทำให้มาก กระทำให้เป็นประดุจยาน กระทำให้เป็นที่ตั้งอาศัย ให้มั่นคงสั่งสม ปรารภด้วยดี

อมนุษย์ทำให้ฟุ้งซ๋านได้ยาก (๔)

ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เจริญเมตตาเจโตวิมุติ กระทำให้มาก กระทำให้เป็นประดุจยาน กระทำให้เป็นที่ตั้งอาศัยให้มั่นคง สั่งสม ปรารภด้วยดี ถ้าอมนุษย์จะพึงกระทำจิตของภิกษุนั้นให้ฟุ้งซ่านอมนุษย์นั้นพึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเหน็ดเหนื่อย ลำบากถ่ายเดียว

เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญเมตตาเจโตวิมุติ กระทำให้มาก กระทำให้เป็นประดุจยาน กระทำให้เป็นที่ตั้งอาศัย ให้มั่นคง สั่งสม ปรารภด้วยดี เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ

เมตตาปริตร (กรณียเมตตสูตร) (๕)

กุลบุตรผู้ฉลาดในประโยชน์ ปรารถนาเพื่อจะตรัสรู้สันตบท  พึงบำเพ็ญไตรสิกขา

กุลบุตรนั้นพึงเป็นผู้อาจหาญเป็นผู้ตรง  ซื่อตรง ว่าง่าย  อ่อนโยน ไม่เย่อหยิ่ง สันโดษ เลี้ยงง่าย  มีกิจน้อย มีความประพฤติเบา   มีอินทรีย์อันสงบแล้ว  มีปัญญาเครื่องรักษาตน ไม่คะนอง ไม่พัวพันในสกุลทั้งหลาย  และไม่พึงประพฤติทุจริตเล็กน้อยซึ่งเป็นเหตุ ให้ท่านผู้รู้เหล่าอื่นติเตียนได้

พึงเจริญเมตตาในสัตว์ทั้งหลายว่า ขอสัตว์ทั้งปวงจงเป็นผู้มีสุขมีความเกษม  มีตนถึงความสุขเถิด

สัตว์มีชีวิตเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีอยู่   เป็นผู้สะดุ้งหรือเป็นผู้มั่นคง ไม่มีส่วนเหลือ  สัตว์เหล่าใดมีกายยาวหรือใหญ่  ปานกลางหรือสั้น  ผอมหรือพี  ที่เราเห็นแล้วหรือไม่ได้เห็น  อยู่ในที่ไกลหรือในที่ใกล้  ที่เกิดแล้วหรือแสวงหาที่เกิด  ขอสัตว์ทั้งหมดนั้น จงเป็นผู้มีตนถึงความสุขเถิด
สัตว์อื่นไม่พึงข่มขู่สัตว์อื่น ไม่พึงดูหมิ่นอะไรเขาในที่ไหนๆ ไม่พึงปรารถนาทุกข์ให้แก่กันและกัน เพราะความโกรธ  เพราะความเคียดแค้น.

มารดาถนอมบุตรคนเดียวผู้เกิดในตน แม้ด้วยการยอมสละชีวิตได้  ฉันใด  กุลบุตรผู้ฉลาดในประโยชน์ พึงเจริญเมตตามีในใจไม่มีประมาณในสัตว์ทั้งปวง  แม้ฉันนั้น

กุลบุตรนั้นพึงเจริญเมตตามีในใจไม่มีประมาณ  ไปในโลกทั้งสิ้น  ทั้งเบื้องบน  เบื้องต่ำ  เบื้องขวาง  ไม่คับแคบ  ไม่มีเวร ไม่มีศัตรู
กุลบุตรผู้เจริญเมตตานั้นยืนอยู่ก็ดี  เดินอยู่ก็ดี นั่งอยู่ก็ดี  นอนอยู่ก็ดี  พึงเป็นผู้ปราศจากความง่วงเหงาเพียงใด ก็พึงตั้งสตินี้ไว้เพียงนั้น  

บัณฑิตทั้งหลายกล่าววิหารธรรมนี้ว่า  เป็นพรหมวิหารในธรรมวินัยของพระอริยเจ้านี้

และกุลบุตรผู้เจริญเมตตาไม่เข้าไปอาศัยทิฏฐิ เป็นผู้มีศีล ถึงพร้อมแล้วด้วยทัศนะ  นำความยินดีในกามทั้งหลายออกได้แล้ว ย่อมไม่ถึงความนอนในครรภ์อีกโดยแท้แล.

อานิสงส์ของเมตตา ๑๑ ประการ (๖)

เมตตาเจโตวิมุติ อันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้วทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้ตั้งมั่นโดยลำดัแล้ว ปรารภด้วยดีแล้ว พึงหวังอานิสงส์ ๑๑ ประการ คือ

๑. ย่อมหลับเป็นสุข 
๒. ย่อมตื่นเป็นสุข
๓. ย่อมไม่ฝันลามก
๔. ย่อมเป็นที่รักแห่งมนุษย์ทั้งหลาย
๕. ย่อมเป็นที่รักแห่งอมนุษย์ทั้งหลาย
๖. เทวดาทั้งหลายย่อมรักษา
๗. ไฟ ยาพิษหรือศาตราย่อมไม่กล้ำกรายได้
๘. จิตย่อมตั้งมั่นโดยรวดเร็ว
๙. สีหน้าย่อมผ่องใส
๑๐. เป็นผู้ไม่หลงใหลทำกาละ
๑๑. เมื่อไม่แทงตลอดคุณอันยิ่ง ย่อมเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลก

เมตตาเจโตวิมุตติแผ่ไปโดยไม่เจาะจงก็มี แผ่ไปโดยเจาะจงก็มี แผ่ไปสู่ทิศทั้งหลายก็มี

เมตตาเจโตวิมุตติแผ่ไปโดยไม่เจาะจงด้วยอาการ ๕ เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปโดยไม่เจาะจงว่า

ขอสัตว์ทั้งปวง ๑
ปาณะทั้งปวง ๑
ภูตทั้งปวง ๑
บุคคลทั้งปวง ๑
ผู้ที่นับเนื่องด้วยอัตภาพทั้งปวง ๑

จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่เบียดเบียนกันไม่มีทุกข์ รักษาตนอยู่เป็นสุขเถิด เมตตาเจโตวิมุตติแผ่ไปโดยไม่เจาะจงด้วยอาการ ๕ นี้

เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปโดยเจาะจงด้วยอาการ ๗ เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปโดยเจาะจงว่า

ขอหญิงทั้งปวง ๑
ชายทั้งปวง ๑
อารยชนทั้งปวง ๑
อนารยชนทั้งปวง ๑
เทวดาทั้งปวง ๑
มนุษย์ทั้งปวง ๑
วินิปาติกสัตว์ทั้งปวง ๑

จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่เบียดเบียนกัน ไม่มีทุกข์ รักษาตนอยู่เป็นสุขเถิด เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปโดยเจาะจงด้วยอาการ ๗ นี้

เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปสู่ทิศทั้งหลายด้วยอาการ ๑๐ เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปสู่ทิศทั้งหลายว่า

ขอสัตว์ทั้งปวง ปาณะทั้งปวง ภูต บุคคล ผู้ที่นับเนื่องด้วยอัตภาพ หญิงทั้งปวง ชายทั้งปวง อารยชนทั้งปวง อนารยชนทั้งปวง เทวดาทั้งปวง มนุษย์ทั้งปวง วินิปาติกสัตว์ทั้งปวง

ในทิศบูรพา
ในทิศปัจจิม
ในทิศอุดร
ในทิศทักษิณ
ในทิศอาคเนย์
ในทิศพายัพ
ในทิศอีสาน
ในทิศหรดี
ในทิศเบื้องล่าง
ในทิศเบื้องบน

จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่เบียดเบียนกัน ไม่มีทุกข์ รักษาตนอยู่เป็นสุขเถิด เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปสู่ทิศทั้งหลายด้วยอาการ ๑๐ นี้

เมตตาเจโตวิมุติแผ่ไปสู่สัตว์ทั้งปวงด้วยอาการ ๘ นี้ คือ

ด้วยการเว้นความบีบคั้นไม่บีบคั้นสัตว์ทั้งปวง ๑
ด้วยเว้นการฆ่า ไม่ฆ่าสัตว์ทั้งปวง ๑
ด้วยเว้นการทำให้เดือดร้อน ไม่ทำสัตว์ทั้งปวงให้เดือดร้อน ๑
ด้วยเว้นความย่ำยี ไม่ย่ำยีสัตว์ทั้งปวง ๑
ด้วยการเว้นการเบียดเบียน ไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งปวง ๑
ขอสัตว์ทั้งปวงจงเป็นผู้ไม่มีเวร อย่าได้มีเวร ๑
จงเป็นผู้มีสุข อย่ามีทุกข์ ๑
จงมีตนเป็นสุข อย่ามีตนเป็นทุกข์ ๑

จิตชื่อว่าเมตตา เพราะรัก ชื่อว่าเจโต เพราะคิดถึงธรรมนั้น ชื่อว่าวิมุติเพราะพ้นจากพยาบาทและปริยุฏฐานกิเลสทั้งปวง จิตมีเมตตาด้วย เป็นเจโตวิมุติด้วย เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่าเมตตาเจโตวิมุติ
 

อ้างอิง:
(๑)  เมตตาภาวนาสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕  ข้อที่ ๒๐๕ หน้า ๒๑๓-๒๑๕
(๒) โอกขาสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ ข้อที่ ๖๖๗ หน้า ๒๖๗-๒๖๘
(๓) กุลสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ ข้อที่ ๖๖๕-๖๖๖ หน้า ๒๖๗
(๔) สัตติสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ ข้อที่ ๖๖๘-๖๖๙ หน้า ๒๖๘
(๕)  เมตตสูตรที่ ๘ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕  ข้อที่ ๓๐๘ หน้า ๓๖๒ -๓๙๓ 
(๖)  เมตตากถา พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๓๑ ข้อที่ ๕๗๔-๕๘๗ หน้า ๓๕๐-๓๕๙

คำต่อไป