Main navigation
อนาคามี, โอปปาติกะ, อุปปาติกะ
Share:

(๑)  อนาคามีคือ อริยบุคคล ผู้ปฏิบัติเพื่อละกามราคะและพยาบาทโดยไม่เหลือชื่อว่าผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งอนาคามิผล บุคคลใดละกามราคะและพยาบาทได้โดยไม่เหลือ บุคคลนี้เรียกว่า ผู้เป็นอนาคามี

(๒)  บุคคลบางคนในโลกนี้ เพราะสังโยชน์เบื้องต่ำทั้ง ๕ ประการสิ้นไป เป็นโอปปาติกะ ปรินิพพานในเทวโลกชั้นสุทธาวาสนั้น ไม่กลับมาจากภพนั้นเป็นธรรมดา บุคคลนี้เรียกว่า ผู้เป็นอนาคามี

อนาคามีแยกออกเป็น ๕ จำพวกคือ อันตราปรินิพพายี อุปหัจจปรินิพพายี อสังขารปรินิพพายี สสังขารปรินิพพายี อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี

(๕) พระอนาคามี ๕

๑. อันตราปรินิพพายี          [พระอนาคามีผู้ที่จะปรินิพพานในระหว่างอายุยังไม่ทันถึงกึ่ง]

๒. อุปหัจจปรินิพพายี         [พระอนาคามีผู้ที่จะปรินิพพานต่อเมื่ออายุพ้นกึ่งแล้ว จวนถึงที่สุด]

๓. อสังขารปรินิพพายี        [พระอนาคามีผู้ที่จะปรินิพพานด้วย ไม่ต้องใช้ความเพียรนัก]

๔. สสังขารปรินิพพายี        [พระอนาคามีผู้ที่จะปรินิพพานด้วย ต้องใช้ความเพียร]

๕. อุทธโสโต อกนิฏฐคามี   [พระอนาคามีผู้มีกระแสในเบื้องบนไปสู่ชั้นอกนิฏฐภพ]

ที่อยู่ของพระอนาคามี สุทธาวาส ๕

๑. อวิหา
๒. อตัปปา
๓. สุทัสสา
๔. สุทัสสี
๕. อกนิฏฐา

(๓)  เมื่อภิกษุนั้นเสพ เจริญ ทำให้มากซึ่งมรรคนั้นอยู่ ย่อมละสังโยชน์ ๒ นี้ คือ กามราคสังโยชน์ ปฏิฆสังโยชน์ส่วนละเอียด ๆ

อนุสัย ๒ นี้ คือ กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย ส่วนละเอียด ๆ ย่อมสิ้นไปด้วยอนาคามิมรรค

พระอริยบุคคลชั้น อนาคามี

 

พระอนาคามี

 

พระอนาคามี ๕ จำพวก

 

(๔) อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้สัตว์บางจำพวกในโลกนี้ จุติจากกายนั้นแล้วเป็นอนาคามีกลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้

บุคคลบางคนในโลกนี้ ยังละโอรัมภาคิยสังโยชน์ไม่ได้ แต่เขาบรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนะในปัจจุบัน บุคคลนั้นชอบใจ ยินดีและถึงความปลื้มใจด้วยเนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น ยับยั้งอยู่ในเนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น น้อมใจไป อยู่จนคุ้นในเนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น ไม่เสื่อม

เมื่อทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเหล่าเทวดาผู้เข้าถึงชั้นเนวสัญญานาสัญญายตนภพ เขาจุติจากชั้นนั้นแล้วย่อมเป็นอาคามี กลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้

อะไรเป็นปัจจัยเครื่องให้สัตว์บางจำพวกในโลกนี้ จุติจากกายนั้นแล้วเป็นอนาคามี ไม่กลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้

บุคคลบางคนในโลกนี้ ละโอรัมภาคิยสังโยชน์ได้แล้ว บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนะในปัจจุบัน บุคคลนั้นชอบใจ ยินดี และถึงความปลื้มใจ ด้วยเนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น ยับยั้งในเนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น น้อมใจไป อยู่จนคุ้นในเนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น ไม่เสื่อม

เมื่อกระทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเหล่าเทวดาผู้เข้าถึงชั้นเนวสัญญานาสัญญายตนภพ เขาจุติจากชั้นนั้นแล้ว ย่อมเป็นอนาคามี ไม่กลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้

(๖) ภิกษุยังละธรรม ๖ ประการไม่ได้แล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่ควรเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล ธรรม ๖ ประการ คือ 

ความเป็นผู้ไม่มีศรัทธา ๑ 
ความเป็นผู้ไม่มีหิริ ๑ 
ความเป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ ๑ 
ความเป็นผู้เกียจคร้าน ๑ 
ความเป็นผู้มีสติเลอะเลือน ๑ 
ความเป็นผู้มีปัญญาทราม ๑

ภิกษุละธรรม ๖ ประการได้แล้ว ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อ ทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล ธรรม ๖ ประการ คือ 

ความเป็นผู้ไม่มีศรัทธา ๑
ความเป็นผู้ไม่มีหิริ ๑ 
ความเป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ ๑ 
ความเป็นผู้เกียจคร้าน ๑
ความเป็นผู้มีสติเลอะเลือน ๑ 
ความเป็นผู้มีปัญญาทราม ๑

(๗)  เธอทั้งหลายละธรรมอย่างหนึ่งคือโลภะ โทสะ โมหะ โกธะ มักขะ มานะได้ เราเป็นผู้รับรองเธอทั้งหลายเพื่อความเป็นพระอนาคามี

 



อ้างอิง:

(๑) เอกกนิทเทส พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๓๖ ข้อที่ ๕๗ หน้า ๑๑๓
(๒) อานาปานสติสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๔ ข้อที่ [๒๘๕] หน้าที่ ๑๕๓
(๓) ยุคนัทธวรรค ยุคนัทธกถา พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๓๑ ข้อที่ ๕๓๕ หน้า ๒๔๗
(๔) สัญเจตนิยวรรค พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ ข้อที่ ๑๗๑ หน้า ๑๕๕
(๕)​ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๑ ข้อที่ ๒๙๔-๒๙๕ หน้า ๒๐๐
(๖) อนาคามิสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ ข้อที่ ๓๓๖ หน้า ๓๗๔
(๗) โลภสูตร โทสสูตร โมหสูตร โกธสูตร มักขสูตร มานสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ ข้อที่ ๑๗๙-๑๘๔ หน้า ๑๕๘-๑๖๑

คำต่อไป